ในฐานะนักเดินทางผู้หลงใหลในมรดกโลก ผมเคยเดินสำรวจโบสถ์ในอิตาลี วัดฮินดูในอินเดีย ไปจนถึงมัสยิดในอิหร่าน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ วัดโจคัง ใจกลางนครลาซา ความรู้สึกของความเคารพศรัทธาอย่างลึกซึ้งก็เกิดขึ้นทันที ที่นี่ไม่เหมือนที่ใดที่ผมเคยไป และผมเชื่อว่าคุณเองก็จะสัมผัสได้เช่นกัน
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวัดโจคังให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผมจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวพร้อมข้อมูลประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสิ่งที่ควรรู้หากคุณวางแผนเดินทางไปยังลาซา หรือสนใจในพุทธศาสนาแบบทิเบต นี่จะเป็นคู่มือเดินทางเชิงลึกที่ควรเก็บไว้เลยครับ
สารบัญบทความ
แนะนำวัดโจคัง
วัดโจคัง หรือที่รู้จักในภาษาทิเบตว่า “ซูราคัง” หรือ “เกียะคัง” (แปลว่า “วิหารพระศากยมุนี”) คือวัดพุทธศาสนานิกายทิเบตที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ซงซันกัมโป ผู้ทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรทูฟาน (吐蕃) เหตุที่เมืองลาซาถูกยกย่องว่าเป็น “ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์” ส่วนหนึ่งก็มาจากวัดแห่งนี้นี่เอง วัดเคยมีชื่อเดิมว่า “เยี่ยซา” ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อเมือง “ลาซา” ในปัจจุบัน
หลังจากสร้างเสร็จ วัดโจคังได้รับการต่อเติมและบูรณะหลายครั้งในสมัยราชวงศ์หยวน หมิง และชิง จนกลายมาเป็นวัดขนาดใหญ่ดังที่เราเห็นทุกวันนี้
สถาปัตยกรรมของวัดเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ทิเบต จีนยุคราชวงศ์ถัง เนปาล และอินเดีย ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นต้นแบบอันยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมศาสนาแบบทิเบต หน้าวัดอบอวลด้วยควันธูปตลอดทั้งวัน และการกราบไหว้อย่างศรัทธาของผู้แสวงบุญทำให้พื้นหินด้านหน้ามีรอยถลอกลึกจากการก้มกราบจนทั่วตัว เทียนเนยจากจามรีนับพันเล่มถูกจุดอยู่เสมอ ทิ้งร่องรอยแห่งกาลเวลาและศรัทธาไว้อย่างชัดเจน
- ที่อยู่: เลขที่ 2 ถนนปาคอร์ตะวันตก เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (Apple Maps/Amap)
- เวลาเปิด-ปิด:
- ฤดูหนาว: 09:00 – 18:00
- ฤดูร้อน: 08:30 – 18:30
- ระยะเวลาแนะนำในการเที่ยวชม: 2–3 ชั่วโมง
- ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยว: ตลอดทั้งปี
- ค่าเข้าชม: 85 หยวน (ประมาณ 387 บาท)

ทำไมคุณควรไปเยือนวัดโจคัง
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
วัดโจคังสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 ช่วงรุ่งเรืองของอาณาจักรทูฟาน โดยกษัตริย์ซงซันกัมโปทรงสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีในช่วงอายุ 8 ปีที่เจ้าหญิงทริซุนแห่งเนปาลนำมามอบ และพระพุทธรูปอายุ 12 ปีที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงจากราชวงศ์ถังนำมา สิ่งก่อสร้างแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่วัดธรรมดา แต่มันสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนกับทิเบต และได้รับการขยายซ่อมแซมต่อเนื่องในทุกยุคจนกลายเป็นวัดที่มีพื้นที่กว่า 25,100 ตารางเมตร
ความสำคัญทางศาสนา
วัดโจคังมีสถานะศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในพุทธศาสนาแบบทิเบต โดยเป็นหนึ่งในสามวัดใหญ่ของนิกายเกลุก (Gelug) พระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปีที่ประดิษฐานภายในนั้น ถือเป็น “เจ้าว่อ รินโปเช” ซึ่งผู้ศรัทธาเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ในวัดยังมีเส้นทางเวียนเทียนที่ผู้ศรัทธาใช้ในการกราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงรากฐานทางศรัทธาและวัฒนธรรมที่หยั่งลึกของชาวทิเบต
คุณค่าทางวัฒนธรรม
วัดแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่หลอมรวมระหว่างทิเบต จีน เนปาล และอินเดีย อาคารหลักสูง 4 ชั้น หันหน้าไปทางทิศใต้ หลังคาคลุมด้วยทองคำแวววาว และภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังและผ้าทังก้าที่สวยงาม ซึ่งมีคุณค่าทางวิชาการในการศึกษาพุทธศิลป์ทิเบตในสมัยโบราณ นอกจากนี้ หน้าวัดยังมีเสาหินจารึก “สนธิสัญญาทางราชวงศ์ถัง–ทูฟาน” ที่ใช้ทั้งอักษรจีนและทิเบต แสดงถึงมิตรภาพของทั้งสองวัฒนธรรม
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
โครงสร้างของวัดโจคังก็มีความพิเศษเช่นกัน ตัวอาคารหลักผสมผสานโครงสร้างแบบคานไม้แบบจีนกับฐานอาคารแบบหอคอยทิเบต กรอบประตูแกะสลักด้วยไม้จันทน์หอมในสมัยศตวรรษที่ 7 พร้อมการลงสีลวดลายแบบดั้งเดิมของช่างฝีมือในยุคทูฟาน ศิลปะที่หลงเหลืออยู่ในวัด เช่น ภาพจิตรกรรม แกะสลักไม้ และทังก้า ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของวัฒนธรรมทิเบต และแสดงพัฒนาการของศิลปะทิเบตตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึง 19
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปวัดโจคัง
จุดเด่นสำคัญภายในวัด
ภาพทรายมัณฑละ
มัณฑละ หรือที่ชาวทิเบตเรียกว่า “ตันเชิง” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวาลและความสมบูรณ์แห่งปัญญาตามหลักศาสนาพุทธแบบทิเบต ภายใน วัดโจคัง ภาพมัณฑละมักสร้างขึ้นจากผงทรายหลากสีที่ซ้อนทับลวดลายซับซ้อน โดยใช้พิธีกรรมอันประณีตทุกขั้นตอน ภาพมัณฑละนี้ไม่เพียงแสดงถึงศรัทธาอย่างลึกซึ้งของพระสงฆ์ แต่ยังเป็นวิถีแห่งการปฏิบัติธรรมที่ลึกซึ้ง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ภาพทรายจะไม่ถูกเก็บไว้อย่างถาวร แต่จะถูกล้างลงน้ำตามพิธีกรรม เพื่อแสดงถึงความไม่จีรังและว่างเปล่าตามหลักธรรมะ ซึ่งสะท้อนสุนทรียศาสตร์ทางศาสนาแบบทิเบตได้อย่างงดงาม

พระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปี (พระประธานวัดโจคัง)
พระพุทธรูปองค์นี้ถือเป็นหัวใจของ วัดโจคัง และเป็นหนึ่งในวัตถุบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาพุทธทิเบต ว่ากันว่าพระพุทธรูปทองคำนี้ถูกอัญเชิญมาจากนครฉางอาน โดยเจ้าหญิงเหวินเฉิงในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นองค์จำลองของพระศากยมุนีเมื่อครั้งมีอายุ 12 ปี พระพักตร์ขององค์พระสงบนิ่งและเปี่ยมด้วยบารมี ตลอดพันปีที่ผ่านมา พุทธศาสนิกชนจำนวนมหาศาลได้มากราบไหว้ด้วยความเลื่อมใส และนี่คือจุดหมายสูงสุดของเส้นทางแสวงบุญในทิเบต นักแสวงบุญหลายคนเดินทางมาไกลนับพันกิโลเมตร เพื่อจะได้กราบลงเบื้องหน้าพระองค์เพียงครั้งเดียว
.webp)
เทพแพะ “เจมเจม”
เจมเจม เป็นเทพผู้พิทักษ์องค์หนึ่งของวัด โดยมีรูปลักษณ์เป็นแพะ ซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมพื้นถิ่นและความเชื่อของชาวบ้าน เล่ากันว่าตอนแรกการเลือกสถานที่ก่อสร้าง วัดโจคัง ประสบกับอุปสรรคมากมาย จนสุดท้ายมีแพะตัวหนึ่งแบกดินเพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพผู้วางรากฐานของวัด ปัจจุบันยังมีการประดิษฐานรูปเคารพของเจมเจมไว้ภายในวัดเพื่อระลึกถึงความดีของเทพองค์นี้ เรื่องราวนี้ยังสะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างชาวทิเบตกับธรรมชาติ และเสริมความขลังให้กับตำนานการสร้างวัด

สัตว์มงคลแกะสลักไม้ที่ชั้นสอง
บริเวณระเบียงชั้นสองของวัด มีงานแกะสลักไม้รูปสัตว์มงคลที่แสดงถึงศิลปหัตถกรรมของช่างชาวทิเบตโบราณ เช่น ช้าง สิงโต มังกร ฯลฯ ทุกรูปล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างชัดเจน และมีความหมายในการป้องกันสิ่งอัปมงคลและขับไล่พลังงานไม่ดี นอกจากจะเป็นเครื่องประดับตกแต่งแล้ว ยังถือเป็นตัวแทนความศรัทธาในศาสนาอย่างแท้จริง ทุกลวดลายที่ปรากฏเผยให้เห็นถึงฝีมืออันประณีตของช่าง และยังสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนศิลปะระหว่างทิเบตกับจีนในยุคโบราณได้อย่างชัดเจน

หลังคาทองคำของวัดโจคัง
หลังคาทองคำของวัด ตั้งอยู่เหนือวิหารหลัก และเป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้เด่นชัดจากทั่วเมืองลาซา เพราะใช้ทองคำจริงในการหุ้มผิว ทำให้ส่องแสงระยิบระยับเมื่อโดนแสงอาทิตย์ หลังคานี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของวัด แต่ยังสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมทิเบตกับราชสำนักจีนในสมัยโบราณ หากคุณขึ้นไปถึงชั้นสองของวัด จะสามารถชมหลังคาทองคำอย่างใกล้ชิด พร้อมชมวิวถนนปากอร์และเมืองเก่าลาซาได้จากมุมสูง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอย่างยิ่ง

คู่มือการซื้อตั๋วเข้าชมวัดโจคัง
วัดโจคัง สามารถจองคิวออนไลน์ได้เท่านั้น ไม่สามารถซื้อตั๋วโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์ ต้องจองล่วงหน้า และนำการจองมาแสดงเพื่อซื้อตั๋วที่หน้างาน
- ช่วงเช้า: นักท่องเที่ยวเยอะ หากคุณไม่ใช่ผู้แสวงบุญและต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์แบบสงบ แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีจะเปิดเฉพาะช่วงเช้า และทุกคนสามารถเข้าไปได้ด้วยการต่อแถว หากต้องการกราบไหว้โดยตรงควรจองช่วงเช้า
- ช่วงบ่าย: คนไม่เยอะ แต่ต้อง “ถวายทอง” จึงจะสามารถเข้าไปถึงวิหารด้านในได้ ใกล้เวลา 5 โมงเย็นจะมีพิธี辩经และสวดมนต์ของพระสงฆ์ หากเข้าชมช่วง 6 โมงเย็น ชั้นสองอาจปิดแล้ว
ราคาตั๋วเข้าชมวัดโจคัง
- ผู้ใหญ่ / เด็ก / ผู้สูงอายุ: 85 หยวน (ประมาณ 387 บาท)
- เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี: ฟรี
ช่องทางการจองตั๋ว
- ออนไลน์: จองผ่าน WeChat official account โดยคัดลอกข้อความนี้
#小程序://大昭寺/6Kjd2yZyHHScGYFไปวางในช่องแชตของ WeChat แล้วเปิดลิงก์เพื่อจองล่วงหน้าได้หนึ่งวัน- ผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่ต้องจองล่วงหน้า แสดงบัตรประชาชนเพื่อซื้อตั๋วที่หน้างานได้เลย
- สำหรับผู้ที่จองช่วงก่อน 13:30 น. ต้องเข้าตามเวลาที่ระบุอย่างเคร่งครัด ยกเว้นวันอาทิตย์ที่สามารถเข้าชมได้ทุกเวลา
- หมายเหตุ: ไม่สามารถจองที่หน้างานได้! หากไม่มีการจอง อาจต้องลองเจรจากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดวง จึงแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างแน่นอน

เส้นทางแนะนำในการเที่ยววัดโจคัง
เส้นทางภายในวัดค่อนข้างเป็นเส้นตรง แนะนำให้เดินตามลำดับดังนี้:
- เข้าจากประตูวัด เริ่มที่ลานกลาง แล้วเดินวนตามเข็มนาฬิกา
- แวะชมวิหารหลัก ชมพระพุทธรูปและจิตรกรรมฝาผนัง
- เข้าไปยัง “เกียะคัง” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปี จุดศูนย์กลางของวัด ควรกราบไหว้อย่างตั้งใจ
- เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งมองเห็นวิวถนนปากอร์ได้ชัดเจน
- ปิดท้ายด้วยการขึ้นชมหลังคาทองคำ สัมผัสพลังของสถาปัตยกรรมทิเบตภายใต้แสงอาทิตย์
ข้อควรระวัง
- ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น! (ย้ำ 3 ครั้ง)
- ห้ามใส่กระโปรงสั้น รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์ขาด
- ห้ามถ่ายรูปภายในวิหาร
- ห้ามส่งเสียงดัง
- ควรมีไกด์หรือผู้บรรยาย ไม่เช่นนั้นจะชมเสร็จในเวลาไม่ถึง 30 นาที
- สามารถขอให้พระทำพิธี “เปิดดวง” ได้ ควรเตรียมเงินทำบุญตามศรัทธา
- สามารถเตรียมแบงก์ย่อยไว้ถวายหน้าพระพุทธรูป ซึ่งเป็นรูปแบบทำบุญแบบทิเบต
- วัดมี 2 ชั้น หากไปสาย ชั้นสองอาจปิดแล้ว
ร้านอาหารแนะนำใกล้วัดโจคัง
ร้าน Snowland (ถนนตานเจียหลิน)

- เหตุผลที่แนะนำ: บรรยากาศแบบทิเบตแท้ ๆ มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่ด้านนอกของตัวอาคารเหมาะกับการถ่ายรูปพอสมควร พนักงานบริการดี เมนูหลากหลายทั้งอาหารเนปาล อินเดีย ตุรกี และตะวันตก
- ที่อยู่: ชั้น 1 เลขที่ 8 ถนนโรงพยาบาลทิเบต เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (ใกล้วัดโจคัง) (Apple Maps/Amap)
- เวลาเปิด–ปิด: ทุกวัน 08:00–22:00
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน: 57 หยวน (ประมาณ 259 บาท)
ร้านอาหารทิเบต Amdo Norzen (สาขาหลัก)

- เหตุผลที่แนะนำ: กลิ่นอายทิเบตผสมผสานกับอาหารอย่างลงตัว อาคารตกแต่งสไตล์ทิเบต แกะสลักลวดลายมังกรบนซุ้มประตู เฟอร์นิเจอร์ไม้หนักและแสงเทียนเนยจามรีสร้างบรรยากาศอบอุ่น พนักงานใส่ชุดพื้นเมืองน่ารักมาก เมนูแนะนำคือโรตีเนื้อจามรีและซี่โครงแกะทอดเนย
- ที่อยู่: เลขที่ 27 ซอยจื้อยือที่ 4 เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (Apple Maps/Amap)
- เวลาเปิด–ปิด: ทุกวัน 10:30–23:00
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน: 64 หยวน (ประมาณ 291 บาท)
โรงแรมแนะนำใกล้วัดโจคัง
Zhaxi Quta Style Hotel
.webp)
- การเดินทาง: เดินจากวัดโจคังเพียง 6 นาที
- ราคาต่อคืน: 388 CNY (~ 1,767 บาท)
- ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
- คะแนนรีวิว: Trip 9.6 คะแนน
- สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า, ห้องสำหรับ 3 คน
โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ติดกับพระราชวังโปตาลาและวัดโจคัง เดินทางสะดวกมาก ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ล็อบบี้จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบทิเบตอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแทงกา ผ้าม่านทิเบต และเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักแบบดั้งเดิม ทุกมุมของโรงแรมให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในทางเดินแห่งวัฒนธรรมหิมาลัยอันลึกลับ
โรงแรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบและสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรู ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย อาหารเช้ามีความหลากหลาย พร้อมทั้งมีบริการให้ออกซิเจนและห้องพยาบาล เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องอาการแพ้ความสูง
โรงแรมธังกา
.webp)
- การเดินทาง: เดินจากวัดโจคังเพียง 4 นาที
- ราคาต่อคืน: 450 CNY (~ 2,048 บาท)
- ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
- คะแนนรีวิว: Trip 9.4 คะแนน
- สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า, ห้องสำหรับ 3 คน
โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลดีมาก ด้านข้างของโรงแรมคือวัดโจคัง เดินไปพระราชวังโปตาลาก็แค่สิบกว่านาที รอบๆ โรงแรมมีร้านอาหารหลายแห่ง และในทางเดินก็มีแทงกาที่สวยงามประดับอยู่หลายจุด
แม้การตกแต่งจะดูมีอายุ แต่โรงแรมสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี มีระบบให้ออกซิเจนแบบกระจายและผ่านจมูกให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กังวลเรื่องอาการแพ้ความสูง
เดอะ เซนต์ รีจิส ลาซา รีสอร์ต

- การเดินทาง: เดินจากมัสยิดใหญ่ลาซาประมาณ 7 นาที
- ราคาต่อคืน: 1349 CNY (~ 6,136 บาท)
- ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
- คะแนนรีวิว: Trip 9.5 คะแนน
- สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า
ถือเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในลาซา ตั้งอยู่ใกล้กับถนนปากอร์ ห้องพักสามารถมองเห็นพระราชวังโปตาลาได้จากด้านใน
ความหรูหราอย่างเรียบง่ายตามสไตล์ St. Regis บรรยากาศเงียบสงบและสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การตกแต่งมีเอกลักษณ์ เตียงนอนสบายมาก และภายในห้องมีเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ
วิธีเดินทางจากตัวเมืองลาซาไปวัดโจคัง
หากไม่ได้ควบคุมงบประมาณอย่างเข้มงวด แนะนำให้เรียกรถแท็กซี่จะสะดวกที่สุด หากคุณพักอยู่ใกล้พระราชวังโปตาลา สามารถเดินเท้าไปวัดโจคังได้ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
รถโดยสารประจำทาง
ค่ารถประจำทางในลาซาถูกมาก ราคาทั่วไปเพียง 1 หยวน รถหลายสายสามารถเดินทางไปยังวัดโจคังได้ เช่น สาย 14, 15, 20, 25, 28 เป็นต้น
รถเรียกผ่านแอป
วัดโจคังตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาซา การเรียกรถผ่านแอป (หรือแท็กซี่ทั่วไป) สะดวกและราคาย่อมเยา โดยทั่วไปใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 20 นาที ค่าบริการประมาณ 15 หยวน
คำถามที่พบบ่อย
ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีบันไดและต้องเดินขึ้นเท่านั้น
ไม่มีบริการรับฝากกระเป๋าที่วัด แนะนำให้นำไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน
English (US)
繁體中文
Comment (0)