ในฐานะนักเดินทางผู้หลงใหลในมรดกโลก ผมเคยเดินสำรวจโบสถ์ในอิตาลี วัดฮินดูในอินเดีย ไปจนถึงมัสยิดในอิหร่าน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ วัดโจคัง ใจกลางนครลาซา ความรู้สึกของความเคารพศรัทธาอย่างลึกซึ้งก็เกิดขึ้นทันที ที่นี่ไม่เหมือนที่ใดที่ผมเคยไป และผมเชื่อว่าคุณเองก็จะสัมผัสได้เช่นกัน

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวัดโจคังให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผมจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวพร้อมข้อมูลประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสิ่งที่ควรรู้หากคุณวางแผนเดินทางไปยังลาซา หรือสนใจในพุทธศาสนาแบบทิเบต นี่จะเป็นคู่มือเดินทางเชิงลึกที่ควรเก็บไว้เลยครับ



แนะนำวัดโจคัง

วัดโจคัง หรือที่รู้จักในภาษาทิเบตว่า “ซูราคัง” หรือ “เกียะคัง” (แปลว่า “วิหารพระศากยมุนี”) คือวัดพุทธศาสนานิกายทิเบตที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ซงซันกัมโป ผู้ทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรทูฟาน (吐蕃) เหตุที่เมืองลาซาถูกยกย่องว่าเป็น “ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์” ส่วนหนึ่งก็มาจากวัดแห่งนี้นี่เอง วัดเคยมีชื่อเดิมว่า “เยี่ยซา” ซึ่งต่อมากลายเป็นชื่อเมือง “ลาซา” ในปัจจุบัน

หลังจากสร้างเสร็จ วัดโจคังได้รับการต่อเติมและบูรณะหลายครั้งในสมัยราชวงศ์หยวน หมิง และชิง จนกลายมาเป็นวัดขนาดใหญ่ดังที่เราเห็นทุกวันนี้

สถาปัตยกรรมของวัดเป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ทิเบต จีนยุคราชวงศ์ถัง เนปาล และอินเดีย ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นต้นแบบอันยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมศาสนาแบบทิเบต หน้าวัดอบอวลด้วยควันธูปตลอดทั้งวัน และการกราบไหว้อย่างศรัทธาของผู้แสวงบุญทำให้พื้นหินด้านหน้ามีรอยถลอกลึกจากการก้มกราบจนทั่วตัว เทียนเนยจากจามรีนับพันเล่มถูกจุดอยู่เสมอ ทิ้งร่องรอยแห่งกาลเวลาและศรัทธาไว้อย่างชัดเจน

  • ที่อยู่: เลขที่ 2 ถนนปาคอร์ตะวันตก เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (Apple Maps/Amap)
  • เวลาเปิด-ปิด:
    • ฤดูหนาว: 09:00 – 18:00
    • ฤดูร้อน: 08:30 – 18:30
  • ระยะเวลาแนะนำในการเที่ยวชม: 2–3 ชั่วโมง
  • ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยว: ตลอดทั้งปี
  • ค่าเข้าชม: 85 หยวน (ประมาณ 387 บาท)
ด้านหน้าวัดโจคังพร้อมป้ายอนุรักษ์วัฒนธรรม

ทำไมคุณควรไปเยือนวัดโจคัง

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์

วัดโจคังสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 ช่วงรุ่งเรืองของอาณาจักรทูฟาน โดยกษัตริย์ซงซันกัมโปทรงสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีในช่วงอายุ 8 ปีที่เจ้าหญิงทริซุนแห่งเนปาลนำมามอบ และพระพุทธรูปอายุ 12 ปีที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงจากราชวงศ์ถังนำมา สิ่งก่อสร้างแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่วัดธรรมดา แต่มันสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนกับทิเบต และได้รับการขยายซ่อมแซมต่อเนื่องในทุกยุคจนกลายเป็นวัดที่มีพื้นที่กว่า 25,100 ตารางเมตร

ความสำคัญทางศาสนา

วัดโจคังมีสถานะศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในพุทธศาสนาแบบทิเบต โดยเป็นหนึ่งในสามวัดใหญ่ของนิกายเกลุก (Gelug) พระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปีที่ประดิษฐานภายในนั้น ถือเป็น “เจ้าว่อ รินโปเช” ซึ่งผู้ศรัทธาเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ในวัดยังมีเส้นทางเวียนเทียนที่ผู้ศรัทธาใช้ในการกราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงรากฐานทางศรัทธาและวัฒนธรรมที่หยั่งลึกของชาวทิเบต

คุณค่าทางวัฒนธรรม

วัดแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่หลอมรวมระหว่างทิเบต จีน เนปาล และอินเดีย อาคารหลักสูง 4 ชั้น หันหน้าไปทางทิศใต้ หลังคาคลุมด้วยทองคำแวววาว และภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังและผ้าทังก้าที่สวยงาม ซึ่งมีคุณค่าทางวิชาการในการศึกษาพุทธศิลป์ทิเบตในสมัยโบราณ นอกจากนี้ หน้าวัดยังมีเสาหินจารึก “สนธิสัญญาทางราชวงศ์ถัง–ทูฟาน” ที่ใช้ทั้งอักษรจีนและทิเบต แสดงถึงมิตรภาพของทั้งสองวัฒนธรรม

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม

โครงสร้างของวัดโจคังก็มีความพิเศษเช่นกัน ตัวอาคารหลักผสมผสานโครงสร้างแบบคานไม้แบบจีนกับฐานอาคารแบบหอคอยทิเบต กรอบประตูแกะสลักด้วยไม้จันทน์หอมในสมัยศตวรรษที่ 7 พร้อมการลงสีลวดลายแบบดั้งเดิมของช่างฝีมือในยุคทูฟาน ศิลปะที่หลงเหลืออยู่ในวัด เช่น ภาพจิตรกรรม แกะสลักไม้ และทังก้า ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของวัฒนธรรมทิเบต และแสดงพัฒนาการของศิลปะทิเบตตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึง 19


กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปวัดโจคัง

จุดเด่นสำคัญภายในวัด

ภาพทรายมัณฑละ

มัณฑละ หรือที่ชาวทิเบตเรียกว่า “ตันเชิง” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรวาลและความสมบูรณ์แห่งปัญญาตามหลักศาสนาพุทธแบบทิเบต ภายใน วัดโจคัง ภาพมัณฑละมักสร้างขึ้นจากผงทรายหลากสีที่ซ้อนทับลวดลายซับซ้อน โดยใช้พิธีกรรมอันประณีตทุกขั้นตอน ภาพมัณฑละนี้ไม่เพียงแสดงถึงศรัทธาอย่างลึกซึ้งของพระสงฆ์ แต่ยังเป็นวิถีแห่งการปฏิบัติธรรมที่ลึกซึ้ง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ภาพทรายจะไม่ถูกเก็บไว้อย่างถาวร แต่จะถูกล้างลงน้ำตามพิธีกรรม เพื่อแสดงถึงความไม่จีรังและว่างเปล่าตามหลักธรรมะ ซึ่งสะท้อนสุนทรียศาสตร์ทางศาสนาแบบทิเบตได้อย่างงดงาม

ภาพศิลปะแมนดาลาทรายภายในวัดโจคัง

พระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปี (พระประธานวัดโจคัง)

พระพุทธรูปองค์นี้ถือเป็นหัวใจของ วัดโจคัง และเป็นหนึ่งในวัตถุบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาพุทธทิเบต ว่ากันว่าพระพุทธรูปทองคำนี้ถูกอัญเชิญมาจากนครฉางอาน โดยเจ้าหญิงเหวินเฉิงในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นองค์จำลองของพระศากยมุนีเมื่อครั้งมีอายุ 12 ปี พระพักตร์ขององค์พระสงบนิ่งและเปี่ยมด้วยบารมี ตลอดพันปีที่ผ่านมา พุทธศาสนิกชนจำนวนมหาศาลได้มากราบไหว้ด้วยความเลื่อมใส และนี่คือจุดหมายสูงสุดของเส้นทางแสวงบุญในทิเบต นักแสวงบุญหลายคนเดินทางมาไกลนับพันกิโลเมตร เพื่อจะได้กราบลงเบื้องหน้าพระองค์เพียงครั้งเดียว

พระพุทธรูปอายุ 12 ปีในวัดโจคัง

เทพแพะ “เจมเจม”

เจมเจม เป็นเทพผู้พิทักษ์องค์หนึ่งของวัด โดยมีรูปลักษณ์เป็นแพะ ซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมพื้นถิ่นและความเชื่อของชาวบ้าน เล่ากันว่าตอนแรกการเลือกสถานที่ก่อสร้าง วัดโจคัง ประสบกับอุปสรรคมากมาย จนสุดท้ายมีแพะตัวหนึ่งแบกดินเพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพผู้วางรากฐานของวัด ปัจจุบันยังมีการประดิษฐานรูปเคารพของเจมเจมไว้ภายในวัดเพื่อระลึกถึงความดีของเทพองค์นี้ เรื่องราวนี้ยังสะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างชาวทิเบตกับธรรมชาติ และเสริมความขลังให้กับตำนานการสร้างวัด

เทพแพะเจอมูเจอมในวัดโจคัง

สัตว์มงคลแกะสลักไม้ที่ชั้นสอง

บริเวณระเบียงชั้นสองของวัด มีงานแกะสลักไม้รูปสัตว์มงคลที่แสดงถึงศิลปหัตถกรรมของช่างชาวทิเบตโบราณ เช่น ช้าง สิงโต มังกร ฯลฯ ทุกรูปล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างชัดเจน และมีความหมายในการป้องกันสิ่งอัปมงคลและขับไล่พลังงานไม่ดี นอกจากจะเป็นเครื่องประดับตกแต่งแล้ว ยังถือเป็นตัวแทนความศรัทธาในศาสนาอย่างแท้จริง ทุกลวดลายที่ปรากฏเผยให้เห็นถึงฝีมืออันประณีตของช่าง และยังสะท้อนถึงการแลกเปลี่ยนศิลปะระหว่างทิเบตกับจีนในยุคโบราณได้อย่างชัดเจน

งานแกะสลักสัตว์ผู้พิทักษ์ไม้ชั้นสองของวัดโจคัง

หลังคาทองคำของวัดโจคัง

หลังคาทองคำของวัด ตั้งอยู่เหนือวิหารหลัก และเป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้เด่นชัดจากทั่วเมืองลาซา เพราะใช้ทองคำจริงในการหุ้มผิว ทำให้ส่องแสงระยิบระยับเมื่อโดนแสงอาทิตย์ หลังคานี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของวัด แต่ยังสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมทิเบตกับราชสำนักจีนในสมัยโบราณ หากคุณขึ้นไปถึงชั้นสองของวัด จะสามารถชมหลังคาทองคำอย่างใกล้ชิด พร้อมชมวิวถนนปากอร์และเมืองเก่าลาซาได้จากมุมสูง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอย่างยิ่ง

รายละเอียดหลังคาทองคำของวัดโจคัง

คู่มือการซื้อตั๋วเข้าชมวัดโจคัง

วัดโจคัง สามารถจองคิวออนไลน์ได้เท่านั้น ไม่สามารถซื้อตั๋วโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์ ต้องจองล่วงหน้า และนำการจองมาแสดงเพื่อซื้อตั๋วที่หน้างาน

  • ช่วงเช้า: นักท่องเที่ยวเยอะ หากคุณไม่ใช่ผู้แสวงบุญและต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์แบบสงบ แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีจะเปิดเฉพาะช่วงเช้า และทุกคนสามารถเข้าไปได้ด้วยการต่อแถว หากต้องการกราบไหว้โดยตรงควรจองช่วงเช้า
  • ช่วงบ่าย: คนไม่เยอะ แต่ต้อง “ถวายทอง” จึงจะสามารถเข้าไปถึงวิหารด้านในได้ ใกล้เวลา 5 โมงเย็นจะมีพิธี辩经และสวดมนต์ของพระสงฆ์ หากเข้าชมช่วง 6 โมงเย็น ชั้นสองอาจปิดแล้ว

ราคาตั๋วเข้าชมวัดโจคัง

  • ผู้ใหญ่ / เด็ก / ผู้สูงอายุ: 85 หยวน (ประมาณ 387 บาท)
  • เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี: ฟรี

ช่องทางการจองตั๋ว

  • ออนไลน์: จองผ่าน WeChat official account โดยคัดลอกข้อความนี้ #小程序://大昭寺/6Kjd2yZyHHScGYF ไปวางในช่องแชตของ WeChat แล้วเปิดลิงก์เพื่อจองล่วงหน้าได้หนึ่งวัน
    • ผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่ต้องจองล่วงหน้า แสดงบัตรประชาชนเพื่อซื้อตั๋วที่หน้างานได้เลย
    • สำหรับผู้ที่จองช่วงก่อน 13:30 น. ต้องเข้าตามเวลาที่ระบุอย่างเคร่งครัด ยกเว้นวันอาทิตย์ที่สามารถเข้าชมได้ทุกเวลา
  • หมายเหตุ: ไม่สามารถจองที่หน้างานได้! หากไม่มีการจอง อาจต้องลองเจรจากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งขึ้นอยู่กับดวง จึงแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างแน่นอน
หน้าจอทางการสำหรับจองตั๋ววัดโจคังใน WeChat

เส้นทางแนะนำในการเที่ยววัดโจคัง

เส้นทางภายในวัดค่อนข้างเป็นเส้นตรง แนะนำให้เดินตามลำดับดังนี้:

  • เข้าจากประตูวัด เริ่มที่ลานกลาง แล้วเดินวนตามเข็มนาฬิกา
  • แวะชมวิหารหลัก ชมพระพุทธรูปและจิตรกรรมฝาผนัง
  • เข้าไปยัง “เกียะคัง” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศากยมุนีอายุ 12 ปี จุดศูนย์กลางของวัด ควรกราบไหว้อย่างตั้งใจ
  • เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งมองเห็นวิวถนนปากอร์ได้ชัดเจน
  • ปิดท้ายด้วยการขึ้นชมหลังคาทองคำ สัมผัสพลังของสถาปัตยกรรมทิเบตภายใต้แสงอาทิตย์

ข้อควรระวัง

  • ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น! (ย้ำ 3 ครั้ง)
  • ห้ามใส่กระโปรงสั้น รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์ขาด
  • ห้ามถ่ายรูปภายในวิหาร
  • ห้ามส่งเสียงดัง
  • ควรมีไกด์หรือผู้บรรยาย ไม่เช่นนั้นจะชมเสร็จในเวลาไม่ถึง 30 นาที
  • สามารถขอให้พระทำพิธี “เปิดดวง” ได้ ควรเตรียมเงินทำบุญตามศรัทธา
  • สามารถเตรียมแบงก์ย่อยไว้ถวายหน้าพระพุทธรูป ซึ่งเป็นรูปแบบทำบุญแบบทิเบต
  • วัดมี 2 ชั้น หากไปสาย ชั้นสองอาจปิดแล้ว

ร้านอาหารแนะนำใกล้วัดโจคัง

ร้าน Snowland (ถนนตานเจียหลิน)

บรรยากาศภายในร้าน Snowland ใกล้วัดโจคัง
  • เหตุผลที่แนะนำ: บรรยากาศแบบทิเบตแท้ ๆ มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่ด้านนอกของตัวอาคารเหมาะกับการถ่ายรูปพอสมควร พนักงานบริการดี เมนูหลากหลายทั้งอาหารเนปาล อินเดีย ตุรกี และตะวันตก
  • ที่อยู่: ชั้น 1 เลขที่ 8 ถนนโรงพยาบาลทิเบต เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (ใกล้วัดโจคัง) (Apple Maps/Amap)
  • เวลาเปิด–ปิด: ทุกวัน 08:00–22:00
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน: 57 หยวน (ประมาณ 259 บาท)

ร้านอาหารทิเบต Amdo Norzen (สาขาหลัก)

เมนูเนื้อจามรีทอดในร้าน Amdo Norzen
  • เหตุผลที่แนะนำ: กลิ่นอายทิเบตผสมผสานกับอาหารอย่างลงตัว อาคารตกแต่งสไตล์ทิเบต แกะสลักลวดลายมังกรบนซุ้มประตู เฟอร์นิเจอร์ไม้หนักและแสงเทียนเนยจามรีสร้างบรรยากาศอบอุ่น พนักงานใส่ชุดพื้นเมืองน่ารักมาก เมนูแนะนำคือโรตีเนื้อจามรีและซี่โครงแกะทอดเนย
  • ที่อยู่: เลขที่ 27 ซอยจื้อยือที่ 4 เขตเฉิงกวน เมืองลาซา (Apple Maps/Amap)
  • เวลาเปิด–ปิด: ทุกวัน 10:30–23:00
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน: 64 หยวน (ประมาณ 291 บาท)

โรงแรมแนะนำใกล้วัดโจคัง

Zhaxi Quta Style Hotel

Zhaxi Quta Style Hotel
  • การเดินทาง: เดินจากวัดโจคังเพียง 6 นาที
  • ราคาต่อคืน: 388 CNY (~ 1,767 บาท)
  • ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
  • คะแนนรีวิว: Trip 9.6 คะแนน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า, ห้องสำหรับ 3 คน

โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ติดกับพระราชวังโปตาลาและวัดโจคัง เดินทางสะดวกมาก ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ล็อบบี้จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบทิเบตอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแทงกา ผ้าม่านทิเบต และเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักแบบดั้งเดิม ทุกมุมของโรงแรมให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในทางเดินแห่งวัฒนธรรมหิมาลัยอันลึกลับ

โรงแรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบและสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรู ห้องพักกว้างขวางสะดวกสบาย อาหารเช้ามีความหลากหลาย พร้อมทั้งมีบริการให้ออกซิเจนและห้องพยาบาล เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องอาการแพ้ความสูง

โรงแรมธังกา

โรงแรมธังกา
  • การเดินทาง: เดินจากวัดโจคังเพียง 4 นาที
  • ราคาต่อคืน: 450 CNY (~ 2,048 บาท)
  • ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
  • คะแนนรีวิว: Trip 9.4 คะแนน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า, ห้องสำหรับ 3 คน

โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลดีมาก ด้านข้างของโรงแรมคือวัดโจคัง เดินไปพระราชวังโปตาลาก็แค่สิบกว่านาที รอบๆ โรงแรมมีร้านอาหารหลายแห่ง และในทางเดินก็มีแทงกาที่สวยงามประดับอยู่หลายจุด

แม้การตกแต่งจะดูมีอายุ แต่โรงแรมสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี มีระบบให้ออกซิเจนแบบกระจายและผ่านจมูกให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กังวลเรื่องอาการแพ้ความสูง

เดอะ เซนต์ รีจิส ลาซา รีสอร์ต

เดอะ เซนต์ รีจิส ลาซา รีสอร์ต
  • การเดินทาง: เดินจากมัสยิดใหญ่ลาซาประมาณ 7 นาที
  • ราคาต่อคืน: 1349 CNY (~ 6,136 บาท)
  • ตรวจสอบราคา: ข้อเสนอพิเศษจาก Trip.com
  • คะแนนรีวิว: Trip 9.5 คะแนน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ: ห้องซักผ้า

ถือเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในลาซา ตั้งอยู่ใกล้กับถนนปากอร์ ห้องพักสามารถมองเห็นพระราชวังโปตาลาได้จากด้านใน

ความหรูหราอย่างเรียบง่ายตามสไตล์ St. Regis บรรยากาศเงียบสงบและสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การตกแต่งมีเอกลักษณ์ เตียงนอนสบายมาก และภายในห้องมีเครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ


วิธีเดินทางจากตัวเมืองลาซาไปวัดโจคัง

หากไม่ได้ควบคุมงบประมาณอย่างเข้มงวด แนะนำให้เรียกรถแท็กซี่จะสะดวกที่สุด หากคุณพักอยู่ใกล้พระราชวังโปตาลา สามารถเดินเท้าไปวัดโจคังได้ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที

รถโดยสารประจำทาง

ค่ารถประจำทางในลาซาถูกมาก ราคาทั่วไปเพียง 1 หยวน รถหลายสายสามารถเดินทางไปยังวัดโจคังได้ เช่น สาย 14, 15, 20, 25, 28 เป็นต้น

รถเรียกผ่านแอป

วัดโจคังตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาซา การเรียกรถผ่านแอป (หรือแท็กซี่ทั่วไป) สะดวกและราคาย่อมเยา โดยทั่วไปใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 20 นาที ค่าบริการประมาณ 15 หยวน


คำถามที่พบบ่อย

สามารถเข็นรถเข็นเด็กหรือวีลแชร์เข้าวัดโจคังได้ไหม?

ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีบันไดและต้องเดินขึ้นเท่านั้น

มีที่ฝากกระเป๋าที่วัดโจคังหรือไม่?

ไม่มีบริการรับฝากกระเป๋าที่วัด แนะนำให้นำไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน